สนิมอาคาร ปัญหาในการก่อสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่หลีกเลี่ยงได้ วิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสนิมอาคารต้องทำอย่างไร บทความนี้ มีคำตอบ
เหล็กกับสนิมเป็นของคู่กัน อาคารใดมีการใช้เหล็กในการก่อสร้าง จึงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาสนิมอาคาร ในแวดวงการก่อสร้างปัจจุบันนี้มีการใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบหลักของอาคารมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อาคารสาธารณะขนาดใหญ่ไปจนถึงบ้านส่วนตัวขนาดเล็กๆ เหล็กได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทดแทนวัสดุก่อสร้างแบบเดิมๆ โดยเฉพาะไม้ที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหล็กสามารถใช้ทดแทนไม้โครงสร้างได้ตั้งแต่เสา คาน โครงหลังคา ค้ำยัน รวมไปถึงส่วนตกแต่งอาคาร ระแนง ราวกันตก เป็นต้น การใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบหลักช่วยให้อาคารมีรูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย แข็งแรง ทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าคอนกรีตเสริมเหล็ก และยังช่วยประหยัดเวลาในการก่อสร้างได้อีกด้วย
แต่ทว่าจุดอ่อนของการใช้เหล็กในภูมิอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทยคือการเกิดสนิม สนิมอาคารเป็นปัญหาหลักที่ทั้งผู้ออกแบบและเจ้าของอาคารต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการพิจารณาใช้เหล็กในก่อสร้างอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาคารนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพกัดกร่อนรุนแรง เช่น ชายหาด ที่ที่มีความชื้นสูง ดินเค็ม หรือจังหวัดชายทะเล ปัญหาสนิมอาคารจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว
สนิมอาคารในระยะเริ่มต้นเป็นเพียงสนิมผิวจะมีผลเสียในด้านความสวยงามของอาคาร ทำให้สีบวม หลุดร่อน มีคราบสนิมไหลเลอะเทอะตัวอาคาร ฝุ่นผงสนิมที่หลุดร่อนตามธรรมชาติอาจมีผลต่อการใช้งานอาคารบางประเภท เช่น ห้องพ่นสี โรงงานผลิตอาหาร โรงพยาบาล เป็นต้น แต่หากปล่อยสนิมอาคารเช่นนั้นทิ้งไว้เป็นเวลานานจนกลายเป็นสนิมขุมกินเนื้อเหล็ก จะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักของโครงสร้างเหล็กจนอาจเกิดอันตรายได้
เนื่องจากเป็นวิธีที่ถูกและง่ายที่สุด โดยทั่วไปนิยมใช้สีรองพื้นกันสนิมทาแล้วทาทับด้วยสีน้ำมันเพื่อความสวยงามในชั้นสุดท้าย หากเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาสนิมอาคารค่อนข้างรุนแรงก็ควรเปลี่ยนเป็นสีกันสนิมประเภทอีพ้อกซี่ซึ่งมีราคาสูงกว่าค่อนข้างมาก แต่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสนิมอาคารได้ดีกว่าเช่นกัน
อย่างไรก็ตามสีกันสนิมอาคารทุกประเภทก็มีขอบเขตอายุการใช้งานที่จำกัด คุณภาพของสีจะค่อยๆลดลงไปตามเวลา ทำให้ต้องมีการซ่อมแซมขัดและทาสีใหม่ทุกๆ 3-5 ปีแล้วแต่สภาพพื้นที่
คือเหล็กขึ้นรูปที่ผ่านกระบวนการเคลือบด้วยสังกะสีแล้ว ที่นิยมคือการเคลือบด้วยไฟฟ้า (Electrogalvanizing) และการจุ่มร้อน (Hot-dip galvanizing) สังกะสีที่เคลือบผิวเหล็กจะทำหน้าที่ปกป้องผิวเหล็กด้วยการยอมให้ตัวเองถูกกัดกร่อน สูญเสียประจุไฟฟ้าให้แก่อากาศแทน (Cathodic Protection) แต่ในอัตราที่ช้ากว่าเหล็ก ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานเหล็กได้ดี
อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการทาสีค่อนข้างมาก โดยเฉพาะวิธีการจุ่มร้อน นอกจากนี้ยังไม่แนะนำให้ใช้การตัดเชื่อมประกอบชิ้นส่วนหน้างานเนื่องจากการเชื่อมเหล็กกัลวาไนซ์ทำให้เกิดก๊าสพิษจากสังกะสี ควรใช้ระบบ bolted connection เท่านั้น รวมทั้งจุดที่ถูกความร้อนจากการเชื่อมจะเป็นจุดที่เกิดสนิมได้ง่าย แม้จะมีการทาสีกันสนิมที่บริเวณรอยเชื่อมแล้วอย่างดี ก็ยังเป็นจุดเปราะบางที่มักเกิดสนิมขึ้นได้ก่อนเสมอ
คือการติดตั้งเครื่องป้องกันสนิมด้วยประจุไฟฟ้าของไอ-การ์ด (i-Guard) ไอ-การ์ดทำงานโดยการจ่ายประจุลบให้แก่เนื้อเหล็กแล้วเหนี่ยวนำให้ประจุเรียงตัวกันอยู่ที่ผิว และจ่ายประจุลบออกไปเมื่อสัมผัสกับประจุบวกในอากาศ ช่วยรักษาสมดุลย์ของประจุในโมเลกุลของเหล็กทำให้ไม่เกิดการสึกกร่อน ด้วยวิธีนี้ไอ-การ์ดจึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสนิมอาคารได้นั่นเอง
ไอ-การ์ดถูกออกแบบมาให้ติดตั้งได้ง่ายโดยช่างไฟฟ้าทั่วไป ใช้ไฟเพียง 12 โวลท์จึงกินไฟน้อยมาก มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ได้ตามขนาดของโครงสร้างเหล็ก ไอ-การ์ดสามารถใช้ติดตั้งเพื่อป้องกันสนิมอาคารได้ทั้งอาคารใหม่และอาคารเก่า เหมาะสำหรับโครงสร้างเหล็กทั่วไปและโดยเฉพาะการป้องกันสนิมอาคารที่อยู่ในพื้นที่มีการกัดกร่อนรุนแรงมีความชื้นสูงหรือละอองน้ำ เช่นตามชายทะเล โรงงานอุตสาหกรรม อาคารประเภทที่มีมาตรฐานควบคุม เช่น โรงพยาบาล โรงงานผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร เป็นต้น
ด้วยการติดตั้งไอ-การ์ดเพียงครั้งเดียวสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาโครงสร้างเหล็ก และยืดระยะเวลาวงรอบในการซ่อมบำรุง ไอ-การ์ดช่วยแก้ปัญหาสนิมอาคารได้อย่างยั่งยืน ช่วยให้อาคารของคุณดูใหม่เสมอ ยืดอายุการใช้งานโครงสร้างเหล็กของคุณไปได้นานนับสิบๆปี
หากคุณกำลังสนใจ หรือมีแผนที่จะสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กและกังวลปัญหาสนิมที่จะตามมาแล้วล่ะก็ โปรดอย่าลืมใช้บริการผลิตภัณฑ์ I-Guard ผลิตภัณฑ์ป้องกันสนิมเหล็ก ทั้งโครงสร้างอาคารเหล็ก และสนิมโครงสร้างรถยนต์ I-Guard เอาอยู่!